ท่านลองจินตนาการดูพระเจดีย์สูง ๘๐ วา องค์ใหญ่ไม่น้อยทีเดียว ท่านเจ้าอาวาสนึกไปถึงงบประมาณค่าก่อสร้างทันที เนื่องจากท่านก็ได้สร้างวัดใช้งบประมาณไปไม่น้อยแล้วในขณะนั้น นี่ยังจะมีภาระการสร้างพระเจดีย์ขนาดใหญ่มหึมาทีเดียว หากได้สร้างขึ้นก็จะสูงใหญ่ ประชาชนที่เดินทางบนเส้นทางถนนเพชรเกษม และทางรถไฟ ก็จะเห็นได้แต่ไกลทีเดียว และจะผสมกลมกลืนกับเทือกเขาใหญ่ได้อย่างเหมาะเจาะ ทั้งสถานที่ตั้งและความสูง
เมื่อท่านเจ้าอาวาสแสดงความกังวลใจ ในเรื่องส่วนสูงของพระเจดีย์ ที่ข้าพเจ้าได้ดูจากคลิปวีดีโอ ที่บันทึกเหตุการณ์ระหว่างหลวงพ่อฤาษีกำลังสั่งงานท่านเจ้าอาวาส ทันใดที่เจ้าอาวาสขอต่อรองความสูงของพระเจดีย์ลงมาเป็น ๘๐ ศอกได้ไหมหลวงพ่อ เท่านั้นเองปลายไม้ตะพดที่หลวงพ่อถืออยู่ ก็ลอยมากระทบศรีษะของเจ้าอาวาส เสียงดังโป๊ก ก้องเข้ามาในไมโครโฟนที่กำลังถ่ายทำได้ยินชัดเจนมาก แต่ไม่ถึงกับศรีษะแตก แสดงว่าแรงกระทบไม่เบาทีเดียว ที่ท่านเจ้าอาวาสโดนเตือนสติเข้าไป
เมื่อไม้ตะพดบินแล้ว หลวงพ่อก็บอกกับเจ้าอาวาสว่า นี่ข้าไม่ได้เป็นคนออกคำสั่ง เป็นคำสั่งของพระท่าน สมเด็จองค์ปฐมฯ ท่านสั่ง ไม่ใช่เป็นดำริหรือคำสั่งของหลวงพ่อ เพียงแต่อาศัยปากของหลวงพ่อเท่านั้น บังเอิญท่านเจ้าอาวาสคงไม่ได้ตามเห็นผู้ที่กำลังสั่งการผ่านองค์หลวงพ่อนั่นเอง มัวแต่กังวลเรื่องความสูง ๘๐ วา ต้นเหตุของที่ตั้งและความสูงของพระเจดีย์ ก็มีเพียงแค่นี้ เท่าที่ดูจากภาพบันทึกในวีดีโอที่ทางวัดเก็บเอาไว้ และนำมาให้ข้าพเจ้าได้รับทราบคำสั่ง หรือโจทย์สำหรับการออกแบบ มีเฉพาะความสูง และทำเลที่ตั้ง
เมื่อทางเจ้าอาวาสได้รับคำสั่ง ที่โต้แย้งไม่ได้ และท่านทราบรายละเอียดเพิ่มเติมจากหลวงพ่อท่านก็เข้าใจ ยอมรับเอาไว้โดยดุษฎี ท่านเจ้าอาวาสท่านเล่าให้ฟังก่อนนำวีดีโอ มาให้ชมว่าท่านได้รับคำสั่ง ที่แสนสั้น มีเพียงตำแหน่งที่ตั้งองค์พระเจดีย์ และความสูงเท่านั้น แล้วในการออกแบบ ท่านจะไปบอกรายละเอียด รูปลักษณ์ของพระเจดีย์ให้แก่ผู้ออกแบบได้อย่างไร และท่านก็รอเรื่อยมาไม่ทราบว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ที่ตั้งของศาลาการเปรียญวัดนี้ อยู่ที่ราบเอียงน้อยๆติดเชิงเขา ที่มีน้ำฝนหลากไหลลงมาจากไหล่เขาผ่านหน้าศาลา พัดพากัดเซาะดินไหลลงไปที่ต่ำ สร้างความเสียหาย ที่ทางวัดต้องซ่อมแซมทุกๆปี ตลอดมา โดยไม่ได้แก้ไขให้เหมาะสมถาวร
เวลานั้นข้าพเจ้าไปดูแลการสร้างสนามกอล์ฟ ๕๔ หลุมอยู่ที่ตำบลชะอำ และพักอยู่ที่บริเวณก่อสร้างด้วย วันหยุดงานวันอาทิตย์ ก็ได้ขับรถยนตร์ไปตลาดหัวหิน และเลยไปทางเชิงเขาใหญ่ เห็นศาลาและมีพระอุโบสถ ตั้งอยู่บนดาษฟ้า ชั้นที่ ๓ และพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่บนเขา ถัดจากศาลาการเปรียญขึ้นไป เป็นทัศนียภาพที่งดงามน่าแวะเข้าไปนมัสการพระพุทธรูป จึงแวะเข้าไป ได้พบเจ้าอาวาสพอดี หลังจากทำบุญเสร็จ ท่านเจ้าอาวาสก็ไถ่ถามว่าโยมมาจากไหน ถึงได้แวะเข้ามาที่นี่ ก็รายงานให้ท่านทราบว่ากำลังทำงานอยู่ที่ชะอำ ท่านพอทราบว่าดูแลงานก่อสร้างอยู่
ท่านจึงเล่าให้ฟังถึงความเสียหายที่บริเวณหน้าศาลา ตลอดแนวยาวของตัวอาคาร ถูกน้ำหลากจากภูเขาในหน้าฝน ลงมาทำความเสียหายอยู่ทุกๆปี ต้องเสียเงินซ่อมแซมรวมถึงถนนทางเข้าวัดแยกจากถนนเพชรเกษมเข้ามาประมาณกิโลเมตรเศษ ก็กลายเป็นทางน้ำเดิน สร้างความเสียหายเกิดร่องน้ำลึก รถเล็กไม่สามารถผ่านเข้ามาในวัดได้ ต้องซ่อมแซมให้ใช้การได้ปีต่อปีเช่นเดียวกัน ไม่ได้ยกถนนและทำรางระบายน้ำให้ถาวร ด้วยทางวัดขาดงบประมาณ และกำลังมีภารกิจพัฒนาอาคารต่างๆในวัดอยู่
ท่านผู้ติดตามลองค่อยๆอ่านไป จะทราบปัญหาต่างๆที่ทางวัดกำลังเผชิญอยู่ทุกๆปี คือเรื่องน้ำกัดเซาะ ทีนี้หลังจากทราบปัญหา ก็วิเคราะห์ถึงต้นเหตุแห่งปัญหา และวิธีแก้ไข ไม่ให้น้ำหลากผ่านบริเวณหน้าศาลาการเปรียญ โดยใช้วิธีผันน้ำลงรางไปอีกทาง ไม่ให้สร้างความเสียหาย และกระจายน้ำเข้าไปในบริเวณป่าไม้เบญจพรรณข้างศาลาการเปรียญด้านทิศเหนือ ด้วยทุนทรัพย์บางส่วน ที่ข้าพเจ้าและพนักงานที่สนามกอล์ฟร่วมช่วยกัน ๓ หมื่นกว่าบาท เตรียมรางคอนกรีตเสริมเหล็กสำเร็จรูป และนำเครื่องมือหนัก มาช่วยกันขุดรางดินติดตั้งรางคอนกรีต และทำฝาตะแกรงเหล็กปิดให้คนและรถยนตร์ข้ามไปมาได้ และดักน้ำที่ไหลลงมาจากเชิงเขาลงราง
ส่วนบริเวณหน้าศาลามีสนามอยู่ประมาณ ๒-๓ ไร่ ก็ปรับเนินดินซะใหม่ให้สวยงามนำดินดีจากที่อื่นมาเพิ่มเติม และทำทางให้น้ำฝนในบริเวณนั้นไหลลงไปที่ต่ำได้สะดวก ส่วนที่รถยนตร์ผ่านก็นำอิฐตัวหนอนราคาพิเศษ จากโรงปูนซีเมนต์บางซื่อมาปูลาด เสียสวยงามพร้อมขอบคัน สนามก็ปลูกหญ้าเบอร์มิวด้า ที่ขอแบ่งพันธุ์หญ้ามาจากสนามกอล์ฟ เพียงแต่ที่นี่ไม่ได้ติดตั้งสปริงเกอร์เพื่อให้น้ำสนามเท่านั้น ต้องอาศัยรถบรรทุกน้ำและสายยางในหน้าแล้ง ช่วยให้น้ำสนามหญ้า และสวนหย่อม ที่ชวนเพื่อนสถาปนิกมาออกแบบ และคุมงานติดตั้งหินใหญ่ประดับสวน บรรดาญาติโยมที่ไม่เคยมา ได้มาเห็นสวนเหล่านี้จะบอกว่า วัดนี้โชดดี มีหินใหญ่ๆหนักหลายๆตันก้อนงามๆ ขึ้นอยู่ถูกที่ถูกทางเหมาะเจาะสวยดี และสวนหย่อมก็จัดเอาไว้สวยงามอีกด้วย โดยไม่ทราบว่าคนย้ายหินภูเขามาจากสวนของชาวบ้านใกล้วัด ที่เจ้าของไม่ต้องการหินเหล่านี้วางเกะกะที่ดินทำการเกษตร
ปรับปรุงบริเวณหน้าศาลาและสนาม พร้อมสวนหย่อมเสร็จเรียบร้อย ท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันของวัดท่าซุง มาพบเห็นนึกชอบใจ ถามหาคนออกแบบและจัดสร้าง พร้อมกับชวนให้ไปจัดบริเวณสวนมะม่วงของวัดประมาณ ๔๐ ไร่ให้บ้าง ปลูกหญ้าให้สวยอย่างวัดนี้ ตอนนั้นสวนมะม่วงที่ท่านเจ้าอาวาสปลูกเอาไว้กำลังให้ผล ยังไม่ถูกน้ำท่วมมะม่วงตายครั้งใหญ่ เกือบยกสวน ก็ยังไม่รับปากท่าน ด้วยเห็นว่าก็มีมะม่วงอยู่เต็มไปหมด แล้วจะเอาไปไว้ที่ไหน กำลังเป็นสาวให้ผลอยู่พอดี แล้วสนามหญ้ามันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร และยังจะต้องปรับคอนทัวร์เพื่อระบายน้ำอีก ท่านก็รอด้วยความอดทนมาหลายปี จนเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมวัดท่าซุงครั้งใหญ่ สวนมะม่วงตายเหลือเพียงต้นเดียว ท่านเจ้าอาวาสเห็นความเป็นอนิจจัง ถึงเวลาได้ออกแบบสร้างสวนถวายสมเด็จองค์ปฐมฯเกือบรอบศาลาสมเด็จองค์ปฐมฯใช้เวลางานหลัก 3 เดือนก็เสร็จเหลือแต่การปลูกหญ้า ซึ่งทางวัดไปได้เมล็ดพันธุ์จากสหรัฐฯมาหว่านภายหลัง ได้ใช้สนามสำหรับปักกลดของโยมสุภาพสตรีช่วงปลายปีตลอดมา
แถมอีกนิดสำหรับถนนเข้าวัด ได้ติดต่อประสานงานให้อธิบดีกรมโยธาธิการ เป็นญาติๆกันทางฝ่ายแม่ จัดงบประมาณให้ล้านกว่าบาท สร้างถนนคอนกรีตถาวร จนปัจจุบันยังใช้การได้ดี
พาท่านผู้อ่านวกวนไปเรื่องอื่นๆ ที่วัดกำลังได้รับความเดือดร้อนในเวลานั้นเสียเป็นนาน ทีนี้ท่านลองกลับมานึกดูว่า น่าเห็นใจท่านเจ้าอาวาสที่รับคำสั่งสั้นๆจากพระเอาไว้ ถ้าเป็นท่านจะคิดอ่านดำเนินการต่อไปอย่างไร ให้เห็นรูปร่างหน้าตาของพระเจดีย์ที่พระท่านต้องการให้เกิดขึ้นในอนาคต
หลังจากข้าพเจ้าได้ชมคลิปวีดีโอ ที่ทางวัดเก็บไว้ ก็มาจัดเตรียมการศึกษาวิจัยรายละเอียด เตรียมการเรื่องสถานที่ตั้งก่อนเป็นลำดับแรก จากการตะเวนถ่ายภาพจากด้านหน้าวัดที่ถนนเพชรเกษม มองเข้ามาที่วัดและสถานที่พระท่านสั่งเอาไว้ เสมือนพระกำลังสั่งให้ติดตามหาลายแทงสมบัติล้ำค่าของพระพุทธศาสนา ที่จะปรากฏโฉมอย่างไร ถ่ายภาพบริเวณเกี่ยวข้องต่างๆออกมาแล้ว นำมาพิจารณา คำตอบต่างๆก็ค่อยๆเผยตัวออกมาให้เห็นในจินตนาการโดยลำดับ เช่น
-
ขนาดและความสูงของฐานพระเจดีย์ จะต้องกำหนดให้อยู่ระดับไหน เนื่องจากมีความสูงของฐานพระอุโบสถ ที่อยู่บนดาษฟ้าชั้นที่ 3 ของศาลาการเปรียญเป็นสิ่งบ่งชี้อยู่แล้ว คำตอบก็คืออย่างน้อยฐานพระเจดีย์จะต้องสูงกว่าหรืออย่างน้อยอยู่ในระดับเดียวกับฐานของพระอุโบสถ จึงจะเหมาะสม ประเด็นนี้เป็นกุญแจกดอกสำคัญ หลังจากทำการถ่ายภาพทัศนียภาพแวดล้อม ในบริเวณนั้นออกมาแล้ว
-
จากความสูงขององค์พระเจดีย์ จากรูปภาพของสิ่งแวดล้อม นอกจากจะให้ระดับความสูงที่ฐานของพระเจดีย์แล้ว ยังจะบอกสัดส่วนของฐานพระเจดีย์ทีเหมาะสมออกมาด้วย มีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ฐาน ๗๘ เมตร
-
เนื่องจากความสูงของพระเจดีย์เอง และบวกกับระดับความสูงของระดับฐานพระเจดีย์ ที่สูงเท่าๆกับฐานของพระอุโบสถ หรือสูงจากพื้นดินประมาณ ๑๙ เมตร รวมกับอีก ๘๐ วาหรือ ๑๖๐ เมตร หรือรวมกันเป็น ๑๗๙ เมตร ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าสนใจ ก็จะเกิดแลนด์มาร์ค ที่สดุดตาจากมุมมองอีกเกือบรอบด้านรอบๆองค์พระเจดีย์ ตรงนี้ก็จะนำไปซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกองค์พระเจดีย์ ที่ต้องให้ชวนมองและสร้างศรัทธา แก่ผู้ได้ชมที่แตกต่างกันออกไปในภาคกลางวันและภาคกลางคืน ก็จะไปสู่คำตอบในการเลือกใช้วัสดุภายนอกของผิวพระเจดีย์ทั้งองค์ ทำให้นึกถึงกระจกพิเศษของอาคารสูงสำนักงานใหญ่ของธนาคารในประเทศแคนาดา ที่กระจกโดยรอบอาคารจะมีลัสเตอร์ยามเมื่อกระทบแสงอาทิตย์ในเวลากลางวันออกเหลือบสีทองคำ คำตอบคือผนังภายนอกจะเป็นกระจกทั้งหมด แล้วจะมีลักษณะเป็นอย่างไร คำตอบที่ท่านส่งมาคือกลีบบัว ซ้อนกันขึ้นไปสู่ยอดพระเจดีย์ มองจากท๊อบวิว หรือแนวดิ่งจากท้องฟ้าลงมาที่องค์พระเจดีย์ จะดูคล้ายดอกบัว หนึ่งดอกที่กำลังจะคลี่บานออก กลางวันจะออกเหลือบสีทองคำทั้งองค์ ดูอร่ามตา ส่วนกลางคืนจะมองเห็นองค์พระเจดีย์ทั้งองค์ สุกใสสว่างจากโคมไฟฟ้าภายในกลีบบัวแต่ละกลีบ ที่เก็บสะสมกระแสไฟฟ้าเอาไว้ในภาคกลางวันจากหม้อแบตเตอรี่ ใช้ส่องสว่างผนังจากภายในออกมา เห็นรุ่งเรืองตลอดทั้งองค์พระเจดีย์ ออกไปอีกลักษณะหนึ่งแตกต่างไปจากตอนกลางวัน สวยงามน่าประทับใจไปคนละแบบในพระเจดียย์องค์เดียวกัน
-
ใกล้ส่วนยอดจะมีเฉลียงยื่นออกมาโดยรอบองค์พระเจดีย์คล้ายกับคอระฆัง เป็นที่สำหรับระบายอากาศจากภายใต้พระเจดีย์ ตลอดเวลาเมื่อพระเจดีย์เริ่มได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ ทำให้ภายในองค์พระเจดีย์มีอากาศที่เย็นสบาย จากลมทะเลที่พัดเข้าหาฝั่ง พร้อมทั้งมีพัดลมอัดอากาศไว้ใช้ยามที่ลมสงบ และรักษาอุณหภูมิ ภายในกับภายนอกให้ไม่แตกต่างกันมากนัก อย่างสม่ำเสมอ
-
ภายในผนังด้านในองค์พระเจดีย์มีหน้าต่างกระจกตรงกับกลีบบัวเพื่อรับแสงสว่างจากภายนอกให้พื้นที่ภายในจำนวนหนึ่ง และเป็นช่องเปิดสำหรับการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า ที่ใช้ส่องสว่างให้แก่กลีบบัวที่เป็นกระจกชนิดพิเศษ ในยามค่ำคืน
-
ชั้นล่างระดับฐานพระเจดีย์ รอบๆพระเจดีย์ เป็นลานโล่งปลูกหญ้าเบอร์มิวด้าเรียบ มีขอบเขต ๑๗๕ เมตร x ๑๗๕ เมตร ที่มุมทั้งสี่ มีเจดีย์องค์เล็ก และรูปปั้นเทวดาประจำทั้งสี่ทิศ ญาติโยมที่มาสักการะพระเจดีย์ สามารถเดินเวียนประทักษิณรอบองค์พระเจดีย์ได้ตลอดเวลาด้วยเท้าเปล่า ที่พื้นหญ้าไม่ร้อนเกินไป แตกต่างจากพื้นหินอ่อนที่เจดีย์ชะเวดากองใช้อยู่
-
ส่วนใต้ลานชั้นบน ก็จะมีลานเวียนเทียนอีกชั้นหนึ่ง มีขนาดเดียวกับชั้นบนเพียงแต่ชั้นนี้ไม่ปลูกหญ้า ใช้วัสดุธรรมชาติบุพื้นแทน ทำให้สะดวกในเวลาเทศกาลที่มีพุทธศาสนิกมากันมาก จะได้ร่วมเวียนเทียนไปพร้อมๆกัน ได้จำนวนมากประมาณชั้นละ ๕,๐๐๐ คน
-
เหนือลานสนามหญ้ารอบองค์พระเจดีย์ จะมีเฉลียงโดยรอบพระเจดีย์ กว้างประมาณ ๙ เมตร สำหรับพระสงฆ์ใช้เวียนเทียน ไม่ปะปนกับชั้นที่ญาติโยมใช้เวียนเทียน
-
พื้นชั้นล่างรอบในติดผนังพระเจดีย์ จัดพื้นที่สำหรับจำลองเรื่องราว ของการบำเพ็ญบารมีของพระเวสสันดร พร้อมอุปกรณ์แสงเสียง ให้ญาติโยมเดินพิจารณา และเข้าไปในบรรยากาศสมัยอดีต เพื่อน้อมรำลึกถึงอดีตกาลของพระโพธิสัตว์ก่อนมาตรัสรู้ และมีกล่องรับบริจาคทาน ตามความต้องการของศาสนิก เสริมบุญบารมีของตนเอง
-
แกนกลางขององค์พระเจดีย์ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๕ เมตร จะติดตั้งลิฟท์ ๒ ชุด เพื่อใช้ขึ้นลงในชั้นต่างๆ และลิฟท์ตัวหนึ่งจะขึ้นไปยังชั้นคอระฆัง ที่ชั้นนี้สูงจากลานเวียนเทียน ๘๐ เมตร บนชั้นนี้สามารถเดินออกไปที่ระเบียงรอบพระเจดีย์กว้าง ๕ เมตร ซึ่งเป็นส่วนที่สงบร่มเย็นและมองเห็นทัศนียภาพได้กว้างไกล และประตูโดยรอบพระเจดีย์ที่ชั้นนี้ ยังใช้สำหรับระบายอากาศ ออกจากส่วนในองค์พระเจดีย์ ทำให้ผู้ใช้อาคารภายในได้รับอากาศชายทะเลบริสุทธิ์ และเย็นสบายได้ตลอดเวลา
-
พื้นที่ส่วนกลางองค์พระเจดีย์ชั้นล่าง จัดเป็นพื้นที่ทำพิพิธภัณฑ์ เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆในพระพุทธศาสนา รวมทั้งพื้นที่ในองค์พระเจดีย์ชั้นที่อยู่ใต้ชั้นนี้ลงไปอีก ๑ ชั้น
-
ชั้นที่ ๒ ภายในองค์พระเจดีย์ จัดพื้นที่เป็นทางเดินและจัดห้องสมุดทางพระพุทธศาสนา สำหรับใช้ค้นหาและอ้างอิงทั้งในรูปหนังสือเป็นเล่ม และพระไตรปิฎกออนไลน์ และวีซีดี พระไตรปิฎกที่ในหลวงทรงออกทุนให้มหาวิทยาลัยมหิดลจัดทำขึ้น เพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาค้นคว้าได้ทั้งแบบเก่า และผ่านระบบไอที
-
พื้นที่ชั้นที่ ๓ นอกจากทางเดินภายในองค์พระเจดีย์ จะมีห้องเรียนพระธรรม สำหรับภาคปริยัติ ให้แก่พระและฆราวาสที่สนใจการฝึกปฏิบัติกรรมฐานควบคู่ไปกับภาคทฤษฎี
-
พื้นชั้นที่ ๔ เป็นทางเดินภายในพระเจดีย์และห้องฝึกกรรมฐาน ที่ออกแบบให้มีความสงบจากเสียงรบกวน
-
พื้นชั้นที่ ๕-๗ ใช้งานเช่นเดียวกับชั้นที่ ๔
-
ภายในองค์พระเจดีย์มีทั้งบันไดเวียนขึ้นไปสู่ชั้นคอระฆัง และมีลิฟท์สำหรับผู้สูงอายุหรือพระภิกษุผู้ใหญ่ขึ้นไปสู่ชั้นคอระฆัง ซึ่งชั้นนี้ภายนอกจะมีระเบียงรอบๆองค์พระเจดีย์ ใช้ฝึกกรรมฐาน หรือใช้ชมวิวโดยรอบองค์พระเจดีย์สลับกันไปตามแต่กำหนดเวลาการใช้งาน
-
เหนือชั้นคอระฆังขึ้นไปอีกหนึ่งชั้น ขึ้นบันไดโค้งขึ้นมาประมาณ ๕ เมตร จะถึงห้องโถงใหญ่ฐานเป็นวงกลม เพดานเป็นรูปโค้งมน ตรงกลางโดมใหญ่แห่งนี้ จะเป็นที่ตั้งแท่นบูชาทรงกลม เป็นที่ประดิษฐานพระเจดีย์จำลองทองคำ เพื่อใช้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จองค์ปฐมฯ และห้องพระ สำหรับบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่เคารพบูชาของผู้ทรงศีลงดงามทั้งหลาย
-
ใต้ชั้นคอระฆังจะมีช่องเปิดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓.๓ เมตร ติดตั้งพัดลมในช่องระบายอากาศ และทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าเก็บเข้าหม้อแบตเตอรี่ ที่ห้องเก็บกระแสภายใต้องค์พระเจดีย์ เพื่อสำรองเอาไว้ใช้ยามกลางคืนในแต่ละวัน ให้องค์พระเจดีย์สว่างในเวลากลางคืนด้วยหลอดประหยัดไฟแอลซีดี แยกจากกระแสไฟฟ้าสลับ ที่ใช้กับตัวอาคารทั่วไป เพื่อช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้า
-
ผนังส่วนหนึ่งที่ชั้นคอระฆัง จะทำหน้าที่ระบายอากาศที่ลอยขึ้นมาจากด้านใต้พระเจดีย์ ด้วยธรรมชาติของความร้อน ช่วยการถ่ายเทอากาศโดยวิถีของธรรมชาติ เพื่อลดจำนวนความร้อนให้แก่ระบบปรับอากาศแบบใหม่ ที่ประหยัดไฟฟ้าได้ ๕๐% ระบายความร้อนเข้าสู่แกนกลางพระเจดีย์ ปล่อยให้ลอยตัวขึ้นสู่ข้างบน
-
ส่วนบริเวณพื้นดินใต้ลานพระเจดีย์ จะเป็นที่ตั้งของถังสำรองน้ำฝนเอาไว้ใช้เพื่องานเกษตรกรรม ตลอดฤดูแล้ง
-
สำหรับในรูปจำลองหุ่นขี้ผึ้ง ไม่ได้แสดงส่วนที่เป็นลานสี่เหลี่ยมจัตุรัส สำหรับใช้เวียนเทียน แสดงแต่เฉพาะส่วนองค์พระเจดีย์
-
สำหรับอาคารสูงขนาดใหญ่เช่นพระเจดีย์ ส่วนบนๆขึ้นมา จะถูกออกแบบชดเชยสายตา การมองเห็นในแบบเปอร์สเป๊กทีบ มีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นชดเชยระยะสายตาที่ยาวกว่ามองเห็นในแนวราบ เพื่อให้มองเห็นองค์พระเจดีย์ดูสมส่วน งดงาม
คอนเซ็บดีไซน์ขององค์พระเจดีย์ที่พระองค์ท่าน ทรงให้ออกแบบ ท่านจะเมตตาส่งกระแสความต้องการ ที่ถูกต้องลงตัวเป็นขั้นๆไป และสอนให้ระลึกเรื่องราวในอดีต ที่เกี่ยวกับตัวเราและกาลสมัยในช่วงที่พระองค์ท่านมีชีวิต มีอายุขัยในยุคนั้น ๘๔,๐๐๐ ปี สิ่งไรที่ติดขัดยังไม่ลงตัวจริงเช่นระบบผลิตกระแสไฟฟ้าสำรองใช้กลางคืน ซึ่งทีแรกจะใช้เซลล์แสงอาทิตย์ แต่หาสถานที่ตั้งแผงที่ลงตัวไม่ได้ พระองค์ท่านก็จะส่งคนที่สนใจในเรื่องนี้เป็นพิเศษ มาพูดคุย และเสนอแนวทางให้ใช้พัดลมขนาดใหญ่ในช่องระบายอากาศที่ชั้นคอระฆังเป็นต้น ก็ทำให้ได้ประสบการณ์และความรู้ต่างๆทั้งด้านการออกแบบ และด้านทำหุ่นขี้ผึ้งจำลอง ที่เจ้าอาวาสขอร้องให้จัดทำขึ้นด้วย และต่อมาได้มีญาติโยมมาเห็นที่วัดนำมาตั้งแสดง ได้ติดทองคำเปลวโดยรอบองค์พระเจดีย์ ก็ขอร่วมโมทนาบุญด้วย นอกจากได้ออกแบบคอนเซ็บทั้งหมดและสร้างหุ่นจำลองเสร็จแล้ว ได้ตั้งทุนเริ่มแรกเอาไว้ให้ทางวัด สำหรับการก่อสร้างในอนาคตอีก ๑ แสนห้าหมื่นบาท
(ผู้ไดได้บวชตนเป็นพระภิกษุ ก็จักได้ อานิสงส์ ๒๔ กัลป์
ผู้ใดได้สร้างพระธาตุเจดีย์ก็จักได้อานิสงส์ ๘๐ กัลป์ .....พระเจดีย์หุ่นจำลองได้ทำเสร็จแล้ว ถวายเอาไว้ที่วัด มีญาติโยมที่มีศรัทธา ได้ปิดทองคำทั้งองค์ ดูเหลืองอร่ามงามตา)
จึงขอเชิญชวนญาติธรรม ใช้จินตนาการของตนๆ หรือฤทธิ์ทางใจถึงความเมตตาของสมเด็จองค์ปฐมบรมครู ที่ทรงมีพระเมตตาสั่งการผ่านปากของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน และได้มีโอกาสมารับทราบเรื่องราว ที่อาจารย์ชัย แสงทิพย์ เป็นผู้จุดประกายให้เรียบเรียงเรื่องราวที่ผ่านมาร่วม ๒๐ ปีแล้ว น้อมมาที่ตัวเราว่าจะนำมาเป็นประโยชน์แก่การเดินทางกลับบ้านเดิมของเรา ที่พากันจากบ้านกันมาแสนเนิ่นนาน ให้พากันพบทางกลับบ้านได้เสียทีด้วยความพร้อมเพรียงกัน ขอโมทนา
งานออกแบบและสร้างหุ่นจำลองพระเจดีย์ เสร็จไปไม่นานนัก คืนหนึ่งฝันว่าได้ขับรถคันใหญ่เปิดประทุนลงไปภาคใต้ ผ่านหน้าวัดจึงแวะเข้ามาในวัดและขึ้นไปไหว้พระบนยอดพระเจดีย์ พร้อมกับพระผู้ใหญ่อีกองค์หนึ่งท่านขอขึ้นไปด้วย ขากลับลงมากำลังจะขึ้นรถไปปักษ์ใต้ต่อ พระคุณเจ้าก็บอกว่า ให้ข้าพเจ้าอย่าเพิ่งไป ลืมของสำคัญที่จะให้ข้าพเจ้าเป็นรางวัลออกแบบพระเจดีย์ ของอยู่บนยอดพระเจดีย์ ให้ข้าพเจ้าขึ้นไปอีกรอบคนเดียว...ดูเหมือนท่านลองเสี่ยงทายทดสอบกำลังใจว่าเราจะขึ้นไปอีกรอบไหม
สิ่งของสำคัญที่พระท่านให้นั้นเป็นเหรียญโลหะรมดำ ขนาดเท่าเหรียญบาทสมัยรัชกาลที่ 5 มีลวดลายทั้งสองด้านสวยงาม เมื่อนำเหรียญลงมากราบเรียนท่าน ท่านบอกว่าเป็นเหรียญพิเศษให้อธิษฐานสิ่งที่ต้องการเอาเอง...ตอนนั้นได้มาแล้วก็ยังนึกไม่ออกว่าจะนำอุปกรณ์พิเศษชิ้นนี้มาใช้ในเรื่องอะไรได้บ้าง ตอนนั้นยังไม่ได้ศึกษาเรื่องลูกแก้วจักรพรรดิของหลวงปู่ดู่ ยังไม่รู้จักลูกแก้วแสงทิพย์ของคุณแม่เกษร ยังไม่รู้จักพระบรมธาตุกลมโตของสมเด็จพระพุทธกัสสป ที่เต็มไปด้วยแสงทิพย์ ยังไม่รู้จักดอกบัวแก้วของสมเด็จพระพุทธโคดม ที่ทรงให้มาตอนงานฝึกมโนฯใหญ่ที่วัดท่าซุง ยังไม่รู้จักพีระมิดของพระอาจารย์รัตน์
อุปกรณ์เหล่านี้ของพระท่าน หากนำมาเชื่อมคลื่นความถี่สูงเข้ากับจิตของเราได้ จะเป็นประโยชน์ทั้งโลกและธรรมในเรื่องการแยกจิตออกจากกาย และใช้ในการเดินมรรค เหรียญรางวัลของสมเด็จองค์ปฐมฯนั้นมี 2 ด้านใช้ประโยชน์ได้ทั้งทางธรรมและทางโลก และอุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้ยังสามารถนำมาเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ส่งพลังงานคลื่นความถี่ทางโลกและทางธรรมที่มีคลื่นความถี่สูงมาก จนเหนือกว่าแรงดึงดูดของโลกและจักรวาลต่างๆที่ครอบจิตใจของสรรพสัตว์เอาไว้อย่างเหนียวแน่น เช่นการเดินมรรคมีความถี่สูงจะไปทำลายสิ่งที่ทางธรรมเรียกว่ากิเลส เมื่อก่อนไม่เข้าใจคำว่ามรรคประหารกิเลสนั้นเป็นอย่างไร
เพิ่งนำมาเล่าแถมท้ายเพิ่มเติมเอาไว้ สำหรับผู้ที่เริ่มมีประสพการณ์ได้อุปกรณ์ต่างๆที่พระท่านบรรจุคลื่นความถี่สูงเอาไว้ ใช้เป็นอุปกรณ์เบื้องต้นในการช่วยแยกจิตออกจากกายได้ ส่วนในเบื้องปลายเช่นลูกแก้วแสงทิพย์ของพระบรมธรรมบิดา พระบรมธาตุของสมเด็จพระพุทธกัสสป ดอกบัวแก้วของสมเด็จพระพุทธโคดม และเหรียญพิเศษของสมเด็จองค์ปฐมฯที่ข้าพเจ้านำมาเล่าให้ฟัง สิ่งเหล่านี้เป็นอุปกรณ์ช่วยการเดินมรรคได้อย่างดี
ไม่มีข้อแม้ว่ามรรคที่ท่านได้จะได้มาจากวิธีในมหาสติปัฏฐานก็ตาม ก็นำมาต่อยอดกับอุปกรณ์ของพระได้ ไม่ต้องฉายเดี่ยวโดดๆหรือเข้าถึงมรรคโดยวิชาอภิญญาใหญ่ทางลัดก็ตาม สามารถนำเอามรรคเบื้องต้นมาอาศัยคลื่นความถี่สูงของพระท่านควบคู่การเดินมรรคไปด้วยตลอดเวลา ช่วยรักษาจิตให้อยู่ในสภาวะของ Neutral Zone ได้เติมมรรคให้เข้าถึงความสมบูรณ์ ทำควบคู่กับใจที่ทำงานร่วมกับกายทำภาระหน้าที่ต่างๆของกายไปตามปกติ เป็นการทำหน้าที่แบบ Dual Tracks ไปได้พร้อมๆกันตลอด 24 ชั่วโมง เพียงแต่กายเขาต้องพักผ่อนนอนหลับตามธรรมชาติ ส่วนจิตเขาไม่พักจะอยู่ในองค์มรรคของเขาไปต่อเนื่องไม่ว่ากายจะหลับหรือตื่น และหากระวังรักษาใจให้อยู่ใน Neutral Zone ไปด้วย ใจเขาก็จะไม่ไปรบกวนจิตที่อยู่ในมรรคอีกเช่นกัน แต่หากยิ่งแยกจิตไปอยู่กับแสงทิพย์หรือพระบรมธาตุของสมเด็จพระพุทธกัสสปตลอดไปทั้ง 100 % ด้วย ใจเขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งกับจิต เนื่องจากอยู่ต่างมิติกัน หรือ Density สูงว่าใจ
การใช้ Dual Tracks ดีอย่างไม่ต้องปลีกตัวไปปฏิบัติธรรมเพียงด้านเดียว จะอยู่ที่ไหนๆไม่ว่าอิริยาบทใดๆก็ใช้ได้หมด จิตก็จะเดินมรรคของเขาไป กายก็ร่วมกับใจทำหน้าที่ไปตามปกติ ไม่ต้องเสียเวลาตั้งท่าตั้งทางอะไร รายละเอียดพระอาจารย์รัตน์ท่านเทศนาเอาไว้อย่างละเอียด
ส่วน Neutral Zone นั้น ท่านครูบาอินทร เจ้าอาวาสวัดสันป่ายางหลวง พระอริยะเจ้าองค์ที่ 11 ของวัดนี้ ท่านอธิบายให้ฟังว่า เป็นเขตแดนอยู่ระหว่างกลางของ Proton และ Electron หรือจะหาความรู้เพิ่มเติมจากคุณ Zeta อีกก็ได้
หลายๆท่านอาจได้รับโอกาสดังที่ได้นำมาเล่าให้ฟัง นำไปพิจารณาให้เกิดคุณประโยชน์ของแต่ละท่านแล้ว ในวาระโอกาสปัจจุบัน ปลายปี 2555 ที่โลกกำลังปรับตัวเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะแวดล้อมของ กาแลกซี่ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับโลกและสุริยจักรวาล ทั้ง 3 กาแลกซี่ อันได้แก่ อันโดรเมดา ทางช้างเผือกและ ไตรแอง กุลัม ที่อยู้ทางด้านทิศตะวันออกของ ทางช้างเผือก ทราบรายละเอียดจากพระอาจารย์รัตน์ รัตนญาโณ ว่า หลังวันที่ 17 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป ทั้งสามกาแลกซี่กำลังจะโคจรมาอยู่ในเส้นตรงเดียวกัน มีสุริยจักรวาลและโลกอยู่ตรงกลางเส้นตรงนี้ โดยจะมีพื้นที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของจุดหมุน พลังงานของกาแลกซี่อันโดรเมดาและไตรแองกุลัมหมุนวนตามเข็มนาฬิกา ส่วนพลังงานของทางช้างเผือกหมุนในทิศตรงกันข้าม พลังงานที่หมุนต่างกันจะสวนทางกันและอัดแน่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนไร้ที่ว่าง ยังผลให้เกิดการสดุดหยุดการเคลื่อนไหวของพลังงานจักรวาลและของโลกไปชั่วคราว ถึงจุดสูงสุดในวันที่ 3 มกราคม 2556 หลังเวลา 5 โมงเย็นไปแล้ว ที่จะยังผลให้แรงโน้มถ่วงบนโลกเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 3 เท่าแก่สัตว์ที่มีกระดูกสันหลังตั้งฉากกับผิวโลก พร้อมๆกับพลังงานอีเล็คตรอนจะหยุดไหลไปชั่วคราว และจะฟื้นกลับมาใหม่ตอนปลายเดือนมีนาคม 2556 ตามที่พระอาจารย์รัตน์ค้นพบตรงกับพระธิเบตอีกรูปหนึ่ง ที่กล่าวเตือนเอาไว้ ให้สาธุชนที่ไม่ประมาทออกจากเมืองใหญ่ไปหาที่ปลอดภัยชั่วคราว โดยเตรียมอาหารแสงสว่างและน้ำเอาไว้ใช้ประมาณ 2 เดือน ซึ่งพระอาจารย์รัตน์ มีความเป็นห่วงสงสารสัตว์โลกและเพื่อนมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง ที่จะพบกับแรงโน้มถ่วงบนโลกที่จะเพิ่มขึ้นในวันที่ 3 มกราคม 2556 ไปจนถึง 14 กุมภาพันธ์ 2556 หากเหตุการณ์เช่นที่เล่าให้ฟังเกิดขึ้น จะสร้างความทุกข์ให้แก่มนุษย์บนโลกนี้ไม่น้อยทีเดียว ระหว่างความเป็นกับความตาย ต่อภาวะการเปลี่ยนแปลงของโลกและสุริยจักรวาล โดยพระอาจย์รัตน์ท่านแนะนำเครื่องมืออุปกรณ์สำหรับแก้ไขปัญหาด้วยพีระมิด ที่มีเวลาจัดสร้างอย่างจำกัด ไม่ทั่วถึงแก่ความต้องการของมหาชนที่ไม่ประมาท
ได้หารือสู่กันกับเพื่อนทางภูเก็ตท่านหนึ่งถึงปัญหาดังกล่าว และหารือกันถึงคุณสมบัติพิเศษของพีระมิดที่เคยฝึกสมาธิและได้พีระมิดส่วนตัวมาองค์หนึ่ง หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุเจดีย์ 80 วาของสมเด็จองค์ปฐมฯ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระองค์ท่าน ที่อุดมไปด้วยแสงทิพย์คลื่นความถี่สูงที่หมุนตามเข็มนาฬิกา ที่สามารถอธิษฐานขอพลังบารมีดังกล่าวของพระองค์ท่าน นำไปแก้ปัญหาอันอาจจะเกิดขึ้นแก่สาธุชนทั่วทั้งโลก ในเวลาวิกฤตตามที่กล่าวแล้วนั้นได้เป็นอย่างดี อีกช่องทางหนึ่ง
ด้วยพระบารมีอันศักดิ์สิทธิ์ของเหรียญสารพัดนึกที่สมเด็จองค์ปฐมฯทรงประทานให้แก่ลูกมานั้น ลูกจึงขอตั้งจิตปรารถนาอันแน่วแน่ ณโอกาสนี้ ขอพลังพระบารมีรวมแห่งพระมหาธาตุเจดีย์ 80 วาของสมเด็จองค์ปฐมบรมครู จงมาเป็นอุปกรณ์ที่ทรงพลังพร้อมด้วยแสงทิพย์ อันมิได้มีสิ่งใดบนโลกและจักรวาลจะเสมอเหมือน จงมาเป็นเครื่องมือคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายใดๆให้แก่คนดีมีศีลธรรม รักประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้มีชีวิตอยู่อย่างเป็นปกติสุข ในยามที่วิกฤติพลังงานของจักรวาลและโลกจะพึงบังเกิดขึ้นใดๆก็ตาม ได้มีโอกาสนำพาชีวิตของตน ครอบครัว และเพื่อนมิตรบริวาร เข้าสู่โลกยุคพลังงานใหม่ของ กาแลกซี่ไตรแองกุลัม ที่อยู่ในแถบคลื่นสีเหลืองที่เบา สงบ เย็น เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ให้ทุกๆท่านบรรลุเป้าประสงค์ของตนได้โดยสะดวกรวดเร็ว ดุจเดียวกับสมัยต้นๆของพุทธกาล ให้ประเทศไทยยุคใหม่เป็นต้นแบบที่ดีงามของชาวโลก เป็นที่ชื่นชอบ ต่างพากันมาใส่ใจในการฝึกปฏิบัติในพระพุทธศาสนาให้บังเกิดผลโดยไม่ชักช้า บรรลุสู่จุดหมายปลายทางโดยทั่วถึงทุกๆท่านทุกๆคน ทั่วกันทั้งโลกเทอญฯ
ขอย้อนกลับมาที่พระหลวงปู่ที่มารับขึ้นไปบนพระเจดีย์ ๘๐ วา ท่านปรากฏองค์ทันที ที่ข้าพเจ้าลงจากรถสปอร์ตสีฟ้าเปิดประทุนคันใหญ่ ท่านมีหน้าตาละม้ายคล้ายหลวงปู่ปานในรูป ท่านดินเหินคล่องแคล่วมาก ทราบในจิตว่าท่านไม่ได้ประจำอยู่ที่วัดนี้ ในฝันนั้นก็ปากหนักไม่ได้ขอโอกาสกราบเรียนถามชื่อของหลวงปู่ที่เมตตามารับ ซึ่งต่อมาหลังวันวิสาขะบูชาปี ๕๔ คุณหงษ์ได้ติดตามมาในคณะของ ศ.ดร.ศุภางค์ เทียนนิมิต และได้พบปะพูดคุยกันที่บ้าน อ.จรูญ สุริยวงศ์ ที่ทุ่งหัวช้าง เย็นวันนั้นได้คุยกันหลายเรื่อง หลังจากได้กลับจากการไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาทสี่รอย คุณหงษ์ ผู้มีตาในดีมาแต่เด็ก ได้เปิดเผยให้ทราบว่า หลวงปู่ที่มารับพาขึ้นไปกราบพระบนยอดพระเจดีย์ ๘๐ วานั้น คือหลวงปู่ใหญ่มหาโมคคัลลานะ ซึ่งรูปร่างหน้าตาขององค์ท่านคล้ายกับรูปหลวงปู่ของวัดภูพลานสูงอย่างมากทีเดียว ลูกขอกราบแทบเท้าหลวงปู่ย้อนหลัง ซึ่งวันนั้นหลวงปู่เน้นที่ภารกิจเป็นหลัก ไม่ได้พูดคุยในประเด็นอื่นๆแต่อย่างใด ในวันนั้นคุณหงษ์ยังบอกอีกว่าในเหรียญที่ผมได้รับมานั้นมีญานของสมเด็จองค์ปฐมอยู่ด้วย
ยังมีอีกประเด็นหนึ่งเกี่ยวกับรูปทรงของพระเจดีย์ ได้หารือกันกับนายหัวจากภูเก็ตที่สนใจติดตามเรื่องคุณประโยชน์ของพีระมิดรูปแบบต่างๆของพระอาจารย์รัตน์ ได้เคยไปที่แม่ริมเยี่ยมชมศูนย์ป้องกันภัยพิบัติด้วยกัน เมื่อพระอาจารย์ติดตามความเปลี่ยนแปลงพลังงานของโลกและจักรวาลที่เกี่ยวข้อง จึงจำเป็นต้องปรับแก้ไขเปลี่ยนแปลงใช้พีระมิดมีเหลี่ยมมากขึ้นจากเดิม สี่เหลี่ยมมาลงเอยที่แปดเหลี่ยม พร้อมทั้งใช้มุมตั้งขึ้นถึง ๗๗ องศา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านพลังงานของพีระมิด ก็เลยย้อนกลับมาพิจารณาคุณสมบัติต่างๆของพระเจดีย์ ๘๐ วา ประเด็นแรกของพระองค์ท่านเป็นทรงกลมหรืออินฟินิตี้เหลี่ยม ประเด็นต่อไปสัดส่วนเมื่อวัดองศาแล้วใช้มุมตั้ง ๗๗ องศา มาก่อนของพระอาจารย์รัตน์ และประเด็นต่อไป ของพระองค์ท่านติดตั้งแสงทิพย์ทั้งองค์ จึงขออนุญาตใช้อุปกรณ์พิเศษที่พระพุทธองค์ทรงให้ไว้ล่วงหน้าหลายสิบปีมาแล้ว ทั้งทางโลกและทางธรรม
เล่ามาเพิ่มเติมให้บรรดาลูกหลานของสมเด็จองค์ปฐม ได้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์มากขึ้น เมื่อพิจารณาไตร่ตรองจนเข้าใจดีแล้ว ท่านก็ขอบารมีจากพระองค์ท่านนำอุปกรณ์ต่างๆดังกล่าวแล้วข้างต้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากมายทีเดียว
สำหรับบรรดาลูกหลานของสมเด็จองค์ปฐมฯที่ได้ติดตามรับฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต เข้าใจดีแล้วและน้อมจิตเข้าถึงพระองค์ท่าน สามารถขอบารมีรวมแสงทิพย์ของพระเจดีย์แปดสิบวานี้ ต่อเรื่องต่างๆในทางโลกและทางธรรม ได้เช่นเดียวกัน ลองนำไปใช้เรื่องใกล้ๆตัวให้เห็นประจักษ์แก่ตนเองก่อน แล้วจึงขยายไปได้ทั่วโลกและทั่วอนันต์จักรวาล
เชิญทุกท่านร่วมช่วยกัน ....ส่งข่าวสารแก่เพื่อนๆ มีโอกาสชมจิ๊กซอร์ต่างๆ สำหรับนักค้นหาสาระชีวิตต่อภาพส่วนตัว ทั้ง ด้านโลกียะและโลกุตระ ที่ ainews1.com จัดไว้บริการให้แก่เพื่อนๆต่างวัยทุกคน ฟรี นอกเหนือจากส่วนขยายธุรกิจ ที่ลิงค์ /article385.html 