ดาวเรียงดวง 10+2 http://ainews1.com/article329.html
ในวันที่เกิดเหตุจะเกิดสุริยุปราคาขึ้นก่อน เมื่อดวงจันทร์โคจรเข้ามาในแนวเส้นตรงเดียวกับโลกและดวงอาทิตย์ในเวลาเดียวกัน ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของภัยธรรมชาติ ซึ่งจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และค่อย ๆ รุนแรงขึ้น แผ่นดินจะไหวทั่วโลกนานถึง 8-9 ชั่วโมง ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นจะมีอยู่ 4 ระดับ คือ
ระดับความรุนแรงที่ท่านเห็นนั้นโลกจะมืดเป็นเวลา 3 วัน ก่อนเกิดภัยอันนี้คงจะเป็นผลของระเบิดนิวเคลียร์ที่เป็นเมฆปกคลุม โลก ส่วนบางประโยคที่ไม่ได้นำมาลง คือการที่ดวงดาวต่าง ๆ ถูก ตรึงจากแรงโน้มถ่วง ทำให้การโคจรสะดุด ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับโลกมนุษย์ สามารถแยก ออกเป็น ภัยที่เกิดขึ้นในรูปของธาตุทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
สรุปว่าหลังจากเกิดภัยพิบัติแล้ว ประเทศไทยจะต้อง ทำแผนที่ใหม่ เพราะดินแดนบางส่วนจะจมลงใต้ทะเล สำหรับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก เป็นดังนี้ ประเทศที่เป็นเกาะ เช่น ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ ไต้หว้น ฯลฯ จะจมหายไปเกือบหมดประเทศที่เคยเป็นผู้ก่อสร้างสงครามในสมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง หรือครั้งที่สอง ก็จะต้องใช้หนี้กรรมที่ตามมา เนื่องด้วยแรงคำสาปแช่งของผู้ได้รับเคราะห์ เนื่องจากสงครามทั้งสองคราว ทำให้ประเทศเหล่านั้นประสบภัยพิบัติที่เกิดจากแรงอาฆาตจนพังพินาศไปหมด ประเทศที่เคยล่าอาณานิคม ประเทศที่เคยค้าทาส และใช้แรงงานทาสมาก่อน จะต้องประสบกับภัยพิบัติจากคำ สาปแช่งของผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานในอดีต และกลุ่มประเทศ ที่เคยล่าอาณานิคมมาก่อนจะหันมาทำสงครามกันเอง อันที่จริงภัยพิบัติอันเนื่องมาจากแรงบาปกรรมและ แรงสาปแช่งเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ค. 2530 แล้ว แต่ที่เกิดน้อย ทำให้สังเกตเห็นไม่ชัด เนื่องจากผู้มีฤทธิ์ ใช้ฤทธิ์ต้านแรงคำสาปแช่งเหล่านั้นไว้ แต่ในปี พ.ศ. 2538 - 2539 ผู้มีฤทธิ์ทั้งหลาย จะเริ่มอ่อนแอลงและต้านแรงคำสาปแช่งไว้ไม่อยู่ พอปี พ.ค. 2540 ภัยพิบัติจะเริ่มเกิดขึ้นต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ แต่ยังไม่รุนแรงมากนัก และจะรุนแรงที่สุดประมาณ พ.ศ. 2542 ภายหลังจากการเกิดภัยพิบัติ อันเนื่องมาจากแรง อาฆาตพยาบาทและสาปแช่งของเหล่ามนุษย์โลกที่ต้องทนทุกข์ ทรมาน เนื่องจากถูกเอารัดเอาเปรียบและข่มเหง ประชากรทั่วโลกจะมีชีวิตรอดเหลือเพียงไม่เกิน 100 ล้านคน จาก ปัจจุบันที่มีประชากรทั้งโลกมากกว่า 5,000 ล้านคน คนที่รอดชีวิตภายหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ จำแนกได้เป็น 3 ประเภท คือ
ตามที่หลวงพี่วาณิชท่านเห็นทางกรรมฐานมาท่าน กล่าวต่อไปอีกว่า ประเทศไทยจะมีผู้รอดชีวิตมากที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก คือประเทศไทยจะเสียหาย เพียง 70% ขณะที่ประเทศอื่น ๆ เสียหายเกินกว่า 90% ภายหลังภัยพิบัติใหญ่ครั้งนี้ มนุษย์โลกที่รอดชีวิตมาได้ ยังต้องประสบกับภัยโรคระบาดตายไปอีกไม่น้อยหลายปี หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ผ่านพ้นไปแล้ว โลกมนุษย์คงเหลือแต่ผู้มีศีลธรรม คนชั่วทั้งหลายจะเสียชีวิตไปหมดหรือกลายเป็นคนบ้า สูญเสียสติสัมปชัญญะ เพชรนิล จินดาและทรัพย์สมบัติทั้งหลายจะผุดขื้นมาเกลื่อนพื้นโลก พรรณไม้ต่าง ๆ แปลก ๆ จะออกดอกออกผลเต็มไปหมด อาหารการกินจะอุดมสมบูรณ์มากแต่ใช้เวลาอีกหลายร้อยปี เนื่องจากคนในประเทศอื่นๆ ถึงแม้ว่าจะรอดชีวิตก็จะมีสติวิปลาสไปหมด และการเจริญกรรมฐานนั้นก็มีปฏิบัติกันเฉพาะในเมืองพุทธเท่านั้นเป็นส่วนมาก เมืองนอกก็มีแต่น้อย และจิตสมาธิไม่สูงเหมือนคนไทย ชาวไทยผู้มีศีลธรรมซึ่งเหลือรอดจากภัยพิบิตนี้ จะได้ทำบันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้เอาไว้ และหลังจากนี้ไปอีก 300 ปี ถึง 400 ปี วิชาการสิ่งก่อสร้าง ฯลฯ จะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งควบคู่กับจิตใจของมนุษย์โลก ซึ่งเจริญ เข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ คือมีชีวิตงดงาม หลวงพี่วาณิชท่านเล่าว่า ผู้ที่จะไปเกิดในยุคนี้ได้จะต้องเป็นผู้มีศีลธรรม รู้จักทำบุญทำทานมากพอสมควร เมื่อท่านได้เล่าถึงภัยพิบัติต่างๆแล้ว ท่านได้เล่าต่อไปว่า ท่านได้เอ่ยถามเทวดาผู้มาแจ้งข่าวท่านในกรรมฐาน ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นจะสามารถแก้ไขหรือบรรเทาได้อย่างไร แค่ไหน เทวดาตอบว่าไม่สามารถจะระงับภัยพิบัติได้ ซึ่งกล่าวได้ แต่สามารถบรรเทาให้เบาบางลงไปได้ตามแต่การปฏิบัติดี ปฏิบัติชั่วของชาวโลกทั้งหมด เพราะว่าสาเหตุของภัยพิบัตินั้น เกิดจากความชั่วร้ายต่างๆ ที่ละสมมาในจักรวาลนี้นับหมื่นๆ ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการทำชั่วบนโลกมนุษย์นี้เองทุกครั้งที่ มีการทำชั่วเกิดขื้น คือ ผิดศีลขั้นพื้นฐานหรือศีลห้า จะต้องมีผู้เดือดร้อนหรือเจ้ากรรมนายเวรนั้นเอง (เทวดาน่าจะหมายถึงเมื่อโลกและสุริยจักรวาลเริ่มย้ายกลับมาสู่แรงดึงดูดของกาแลกซี่ทางช้างเผือก เมื่อเกือบ 13,000 ปีที่ผ่านมา จนเกือบจะครบวงรอบในปลายปี 2012 นี้นั่นเอง) เช่น
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่มีการรังแกกันหรือล่วงเกินกัน ถ้าหากเจ้าทุกข์ยังไม่อโหสิกรรมให้ หรือยังไม่ให้อภัยแก่ผู้ ล่วงเกินแล้ว เจ้าทุกข์จะกลายเป็นเจ้าหนี้หรือเจ้ากรรมนายเวร คอยตามทวงหนี้แก่ผู้ล่วงเกินไปทุกภพทุกชาติจนกว่าจะสำเร็จ และยังมีพลังงานอีกล่วนหนึ่งซึ่งเป็นความอาฆาตพยาบาท หรือพลังงานความชั่วร้ายที่ล่องลอยไปสะสมกันในจักรวาล ซึ่งเมื่อละสมกันมาเป็นเวลานานๆ หลายหมื่นหลายแสนปี จึงกลายเป็นดาวสีดำขนาดใหญ่ มีพลังงานความชั่วร้ายที่มีเป้าหมาย เพื่อทำลายสุริยจักรวาล คงจำกันได้ดาวที่เรียงตัว ขาวสว่าง 7 ดำมืด 3+2 ภัยพิบัติโลกและจักรวาลคราวนี้จะหนักหนาเอาการขนาดไหน ก็ต้องรอดูกันต่อไป สำหรับผู้ไม่หยุดการค้นหา ความเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมโลก ว่าต้นเหตุแท้จริงมันมาจากที่ไหน ก็ลองแวะที่ ลิงค์นี้ ของผู้ที่มีอายุเป็นหมื่นๆปีมาราบงานให้ทราบ เมื่อสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด เรื่องใกล้ตัวทุกคนที่พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เล่าให้บรรดาศิษย์ได้ฟัง "มันเป็นกรรมของพวกเขา เคยทำอย่างไรกับพวกเขาก็จะต้องโดนกลับคืนบ้าง อีกหน่อยพระทั้งหลายจะต้องถูกยึดเงินจนหมด และก็ไม่สามารถอยู่ในสภาพพระเช่นนี้ได้ เมื่อเรื่องพระหมดไป หลังจากนั้นอีกประมาณปีครึ่ง ก็จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3" อ่านต่อ... คำเตือนจากท่านผู้เฒ่าปู่อินทร์ตาทิพย์เขาตำแย อายุ109ปี(2553) ปู่บอกว่าภัยพิบัติจะเกิดตามหนังสือพุทธทำนายไว้จะแรงบ้าง หรือเบาบ้าง ขึ้นอยู่กับว่าครูบาอาจารย์ได้ช่วยไว้หรือไม่ แต่ปลายปี2555ต่อเนื่องปี2556เหตุการณ์จะรุนแรงมาก ด้วยเหตุ3อย่างหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง
(ในข้อ 3 หากท่านลองติดตามข่าว ของประเทศอินโดนีเซีบ ฟิลิบปินส์ มาเลย์เซีย และภาคใต้ของไทย จะพบว่าเกิดน้ำท่วมพื้นที่รุนแรงขึ้นโดยลำดับ น้ำทะเลแทรกตัวเข้ามาบนแผ่นดินเพิ่มมากขึ้น จนต้องอพยพผู้คนหนับหมื่นออกจากพื้นที่) จะรุนแรงไปเรื่อยๆ ผู้คนจะตายมากเป็นประวัติการณ์ ผู้คนจะเหลือแค่ 30% ของประชากรที่นั้นๆ ปัจจุบันนี้ผู้คนไม่มีศีลธรรม ไม่ละอายแก่บาป เบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่ใช่กรรมของใครๆ แต่นี่คือวัฎจักรของโลก บ้านเมืองเจริญขึ้น แต่จิตใจมนุษย์เจริญลง ยิ่งการสมสู่มนุษย์ต่อกัน เดียวนี้ไม่มีเลือกผัวเลือกเมียหรือลูกหลาน นี่แหละกลียุคตามคำทำนายขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าพุทธโคดม เหตุดังกล่าวจะเบาลงและสิ้นสุดปี 2560 ผู้คนที่รอดพ้นจากภัยพิภัยคือผู้ที่ดำรงชีวิตอยู่ในศีลธรรม กตัญญูต่อบิดามารดา ละอายแก่บาป จงเป็นผู้รู้ในกิเลส และผู้ตื่นจากกิเลส สุดท้ายก็ไกลจากกิเลส ภัยพิบัติที่จะเกิด เมืองไทยจะมีการเตือนภัยล่วงหน้า จากในหลวงของเรา และท่านสมิทธ ธรรมสโรช (พูดแบบภาษาธรรม พระองค์ท่านในหลวงและคุณสมิทธมีสื่อจากผู้ดูแลมนุษย์ในโลกนี้ จะบอกกล่าวล่วงหน้าให้ผู้คนเตรียมตัวหนีจากภัยที่จะเกิด) ส่วนเส้นทางหลบหนีปู่บอกว่าผู้คนจะหนีมุ่งหน้าไปทางถนนมิตรภาพ และรถจะติดมากผู้คนต่างแย่งกันโกลาหนน่าดู และสุดท้ายหางแถวจะหนีไม่รอดนั้นเอง สระบุรีที่ตั้งองค์พระนั่งสูง ตรงนั้นแผ่นดินจะยุบตัวลง เพราะข้างล่างเป็นบ่อน้ำใต้บาดาล ส่วนถนนที่พอจะรอดก็คือ กบินทร์-นครราชสีมา,นครนายก หรือเส้นทางอื่นๆที่ไม่ใช่มิตรภาพ แต่ส่วนมากผู้คนจะเลือกเส้นทางมิตรภาพมาก เพราะไปได้ทั้งเหนือและอีสาน ขอเตือนไม่จำเป็นจะต้องไปอีสานอย่างเดียวนะครับ ภาคเหนือก็ไปได้ (ปู่บอกแล้วเตือนแล้ว จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่บุญของเขา แต่ผู้ที่ปฏิบัติธรรมส่วนมากจะรอด แม่บอกอย่างนี้) มนุษย์จากตัวใหญ่ลงมาถึงตัวเล็ก และกำลังเปลี่ยนแปลงจากเล็กไปหาใหญ่เรื่อยๆ สังเกตจากลูกหลานจะเริ่มสูงใหญ่กว่าพ่อแม่แล้ว และค่อยเป็นค่อยเปลี่ยนไปตลอด สำหรับพื้นที่ปลอดภัยทั้งระยะต้น ระยะยาวนั้นคุณแนนซี่ รีเดอร์ ได้รวมรวมเอาไว้ ในลิงค์นี้ ขอแถมคาถาปู่ใหญ่ (ดินน้ำลมไฟ)ให้ท่องเป็นประจำและอย่าลืมถือศีลอย่างน้อยศีล5 นะครับ หิตะ ทิราชัน มันกาโล อังคะสิรา กะระ สะสะสะติ เหตุการณ์ต่างๆที่กล่าวมานั้น จะมีอยู่วันหนึ่งที่เหตุการณ์รุนแรงที่สุด คลื่นพลังมหาศาลจากจักรวาลจะกระแทกลงมายังโลก เป็นพลังงานที่เกิดจากลมพายุสุริยะอันเนื่องมาจากจุดดับบนดวงอาทิตย์จุดที่ 11 มนุษย์ทุกคนบนโลก จะได้พบกันเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว บรรยากาศช่วงแรกๆจะรู้สึกหดหู่ เวิ้งว้าง ท้องฟ้าจะวังเวงพิกล หลังจากนั้นไม่นานนัก ลมจะแรงขึ้น แรงขึ้น เสียงฟ้าเสียงลมจะแผดเสียงกึกก้องดังที่สุด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนี้มาก่อนในชีวิต เป็นเสียงของพญามัจจุราชที่พิพากษาโลกในด้านความเป็นมนุษย์คนชั่วทุกคนจะถูก ประหารชีวิตและจะตายอย่างทรมาน ไม่เว้นแม้แต่ผู้นำสังคม ผู้นำเศรษฐกิจ ผู้นำลัทธิ ฯลฯ ส่วนคนดีจะได้รับการยกเว้นเอาไว้ให้ได้ทำความดีโดยไม่มีอุปสรรคต่อไป ท่านผู้ศึกษาข้อมูลลองไขปริศนาข้างบนนี้ นำไปถอดใจความจากความวิตกกังวลของนักวิทยาศาสตร์ขององค์การนาซ่า ที่นำเสนอเอาไว้ข้างต้น ว่าเหตุการณ์ภัยพิบัติจากพายุสุริยะ ครั้งที่ 11 ของดวงอาทิตย์หนักหนาเอาการ หนักกว่าพายุแคทรีน่า 20 เท่า แล้วก็จะเห็นภาพที่ข้อความข้างบนนี้ทำนายไว้ ก็ฟังหูไว้หู ทราบข่าวว่าองค์การนาซ่าถูกจับโกหก หลายครั้งทีเดียว
6. ให้ประชาชนอื่น ๆ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย นุ่งขาว ห่มขาวรักษาศีลให้บริสุทธิ์ (เป็นสาเหตุที่เรียกประเทศไทยว่า ถิ่นกาขาว) และ ช่วยกันสวดมนต์บทนี้เพื่อบรรเทาภัยพิบัตินี้ ณ บ้านเรือน ของตนในวันที่เกิดสูรย์ ค. การปฏิบิตตัวในขณะที่เกิดภัยพิบัติ 1. เข้าญาณแล้วหนีไปอยู่พรหมโลก 2. ขึ้นยานอวกาศแล้วหนีไปอยู่นอกโลก การหนีจากภัยพิบิตทั้ง 2 วิธีข้างต้นจะปลอดภัย ในกรณีที่ถึงขั้นโลกแตกทำลายเป็นจุณ แต่ถ้าหากว่ายัง ไม่รุนแรงถึงระดับที่กล่าวนี้ คือ เพียงแต่เปลือกโลกได้รับ ความบอบช้ำมากหรือน้อย แต่ไม่ถึงกับแตกทำลายก็อาจหลบหนีได้ใดย วิธีต่อไปนี้ 3. หนีไปอยูในเขตพื้นที่ชึ่งไม่เกิดภัยพิบัติ ผู้ที่มีความสามารถจะหยั่งรู้ได้ด้วยญาณ 4. ผู้ที่รักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ก็อาจรอดชีวิตได้ ถ้าไม่มีกรรมเก่าอันหนักหนาจริง ๆ 5. ผู้ที่ฝึกกรรมฐานมาบ้างและสามารถทำจิตใจ สงบได้แต่ยังไม่ถึงขั้นฌานก็อาจจะรอดชีวิต แต่ถ้าหากตาย วิญญาณจะไปจุติในภพภูมิที่ดี 6. ในขณะที่เกิดสูรย์ คือ เกิดจันทรุปราคาหรือ สุริยุปราคาให้ทำพิธีสวดมนต์กลางแจ้งตามที่กล่าวแล้วนี้ 7. ให้ทุก ๆ คนในโลกหยุดการใช้เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า และหยุดการเคลื่อนไหวต่าง ๆ ให้หมด แม้แต่มีการเคลื่อนที่ของมนุษย์และสัตว์คือ ให้ทุกคน นั่งเฉย ๆ ถ้านั่งกรรมฐานได้ก็ให้นั่งกรรมูฐาน เนื่องจากว่า การเคลื่อนไหวและการใช้พลังงานไฟฟ้าหรือแม่เหล็กต่าง ๆ จะเป็นการซ้ำเติมให้เกิดความสับสนของสนามพลังงานใน ระบบสุริยจักรวาลมากขึ้น อาหารจะขาดแคลนตลอดจนถึง ปัจจัยสี่ด้วย ดังนั้นจึงควรมีการเตรียมตัวดังต่อไปนี้ อุปกรณ์การดำรงชีวิตในป่า (แล้วแต่จะคิดหาได้) - เชือกอย่างเดียว 10 เมตรต่อคนตามปัญญาของ แต่ละคน - จักรยานวิบาก 1 คันต่อคน พร้อมทั้งอะไหล่ เช่น ยางใน ลูกปืน ฯลฯ (ถนนหนทางจะพังพินาศหมดในเวลานั้น) - ผ้าร่ม ผ้าปูที่นอน มุ้งธุดงค์ และกลด - มีด หม้อสนาม กระติกน้ำ แก้วพลาสติก - เรือไฟเบอร์กลาส 1 ลำต่อคน 30 คน - ที่สำคัญมากคืออาหารและแหล่งเสบียงอาหาร - ยารักษาโรค เช่น ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้อ้กเสบ ยาหม่อง ฯลฯ - เชื้อเพลิงและอุปกรณ์ให้แสงสว่าง เช่น เทียน ไฟแช็ก น้ำมันก๊าซ ไฟฉาย ฯลฯ นอกจากนั้นช่วงภัยพิบัตินั้น ขอให้ผู้ที่มีปัจจัยสี่ แบ่งปันช่วยเหลือผู้ที่อดอยากขาดแคลน ในเวลาเช่นนั้น ทรัพย์สมบัติและทองไม่มีค่าแล้ว หลวงพี่วาณิชท่านเล่าต่อไป ว่า ทางเบี้องบนสั่งต่อไปอีก ในลักษณะของคำกลอนซึ่งท่าน จำไม่ค่อยได้ว่า กินครึ่งแบ่งครึ่งพึงอภัย ถ้าเป็นหนี้สินใครใช้ให้หมด สิ่งของที่จำเป็นต่าง ๆ ถ้ามีมากให้แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ ห้ามขายเด็ดขาด (ผู้เขียน : ท้ายนี้เรื่องทั้งหมดที่เล่ามานี้มาจากคำบอกเล่าของพระ วาณิช ซึ่งท่านมีความประสงค์ดี ต้องการให้ชาวโลกได้รับรู้ การให้ ชาวโลกได้รับรู้ถึงภัยพิบัติ ซึ่งท่านเก็บมาจากเทวดาที่มากล่าวให้ ท่านทราบในขณะนั่งกรรมฐาน) หมายเหตุ หลวงพี่วาณิชท่านยังบอกวิธีพิสูจน์ให้ด้วย คือ ให้นั่งกรรมฐานจนจิตสงบแล้วให้ภาวนาคำว่า "จิตต่อธาตุ ธาตุต่อธาตุ" ไปเรื่อย ๆ ผู้ที่ปฏิบัติ นี้อาจจะเห็นเหตุการณ์ตามแต่บุญวาสนาของ ตนเอง ซึ่งต้องอาจให้เวลาหลายชั่วโมง (ธาตุที่ ว่านี้ คือธาตุทั้ง 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ เมื่อ ภาวนาแล้วให้กำหนดจิตว่า แผ่ต่อธาตุทั้ง 4 คลุมไปทั่วทั้งพิภพ) เรื่องที่เขียนมานี้หลวงพี่วาณิชท่านว่าเป็นเพียงหนึ่ง ในสาม ยังมีข้อมูลอื่นไม่ได้ลงเช่น ตำราสมุนไพร บทสวดมนต์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้บรรเทาภัย เรื่องราวที่เทวดาพาท่านชมสวรรค์ ระบบการทำงานของบัญชีบาปบุญของยมบาล ฯลฯ (ผู้เขียน : ข้าพเจ้ารู้สึกลำบากใจที่ว่าดาวเคียงกัน 7 ดวง ในปี พ.ศ. 2540 นั้นก็มีจริงตามปฏิทินคราสของสมาคมโหราศาสตร์ แห่งประเทศไทย ออกขายเมื่อกลางปี 2536 หลวงพี่วาณิชท่านรู้ เรื่องนี้มาได้อย่างไร ท่านคงไม่มีปฏิทินนี้เพราะพิมพ์น้อยมาก อีกอย่างหนึ่งเรื่องแรงดึงดูดของดาวที่มีผลต่อน้ำขึ้นน้ำลงและแผ่นดินไหว นั้นในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์เชื่อแล้วว่าจริง จำนวนดาวที่เรียงกัน จำนวนมากแบบนี้ยังไม่เคยมีมาก่อน ยิ่งในปี 2542 นั้นก็มากขึ้นอีก ไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร ตรงส่วนนี้ถือว่าเป็นวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่อง เพ้อฝันที่จะมาหัวเราะหรือเหยียดหยามกัน แต่ในทางกลับกันการ ค้านแบบไม่คิดนั้นก็มีประโยชน์ เพราะเป็นการสร้างความสบายใจ) back up data: http://www.thaijinde.is.in.th/?md=content&ma=show&id=36 สำหรับท่านที่ไม่ประมาท ต้องการสร้าง ตู้เอทีเอ็มส่วนตัวเคลื่อนที่ เอาไว้เบิกเงินในวงเงิน 2 ล้านบาท/เดือน/หน่วยการลงทุน กับบริษัทมหาชน แวะศึกษารายละเอียดได้ที่ http://www.ainews1.com/article36.html เชิญทุกท่าน ร่วมสร้างบุญกุศลด้วยกัน ....ส่งข่าวสารแก่เพื่อนๆ มีโอกาสชมจิ๊กซอร์ต่างๆ สำหรับนักค้นหาสาระชีวิตต่อภาพส่วนตัว ทั้ง ด้านโลกียะและโลกุตระ ที่ ainews1.com จัดไว้บริการให้แก่เพื่อนๆต่างวัยทุกคน ฟรี ที่ลิงค์ /article385.html
| ||||